รถไฟชนรถพ่วง จ.อุดรธานี หัวจักรกระเด็น ดับ 2 ศพ

รถไฟชนรถพ่วง จ.อุดรธานี หัวจักรกระเด็น ดับ 2 ศพ

รถไฟชนรถพ่วง ใน อุดรธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ คนขับอ้างไม้กั้นไม่ทำงาน ทำให้ไม่เห็นรถไฟ ก่อนเกิดเหตุสลดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.อุดรธานี ได้ลงพื้นที่ หลังได้รับรายงานว่าเกิดเหตุ รถไฟชนเข้ากับรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณ ทางพาดรถไฟเขตงานธรรมศักดิ์ ใกล้เคียงศูนย์วอลโว่ พื้นที่ ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง

เบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 2 ศพ เป็นคนขับรถไฟและช่างเครื่อง 

โดยสภาพรถไฟนั้น หัวรถไฟกระเด็นหลุด ส่วนรถพ่วง ลากไปเกือบ 300 เมตรสภาพพังยับเยิน ด้านผู้โดยสารนับ 100 ชีวิตต่างตกใจและแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้าน นายสุรชัย วงศ์สุข อายุ 36 ปี คนขับรถพ่วง เล่านทีระทึกว่า ขับรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกมันเส้นจากจ.บึงกาฬ จะไปส่งที่จ.ปราจีนบุรี พอมาถึงทางพาดรถไฟจุดเกิดเหตุไม่เห็นไม้กั้นให้หยุดหรือส่งสัญญาเตือนว่ามีรถไฟมาจึงขับข้ามทางรถไฟไปปกติ แต่จังหวะนั้นเองเห็นรถไฟเปิดหวูดเสียงดัง ก่อนที่จะชนเข้ากับรถไฟ ซึ่งนายสุรชัยยืนยันว่า ไม้กั้นรถไฟไม่ทำงาน หากเอาไม่กั้นลงตนก็ต้องหยุดรถแล้ว

ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ว่าทำไมเครื่องกั้นรถไฟไม่ทำงาน พร้อมเก็บกู้หัวรถจักรที่หลุดตกข้างทาง

หมอธีระวัฒน์ กางงานวิจัยจากประเทศอังกฤษพบว่า ผลตรวจ ATK เด็ก ที่ติดโควิดแต่ไม่แสดงอาการ มีความแม่นยำแค่ 50% นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่าผลตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK กับเด็กที่ป่วยเป็นโควิด แต่ไม่มีอาการ มีความไว-แม่นยำแค่ร้อยละ 50

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ATK ที่ผ่านการรับรองของ ทางการในแต่ละประเทศและดูตามข้างกล่อง มีความไวสูงถึง 95 ถึง 97% ด้วยซ้ำ รายงานจากประเทศอังกฤษ จากการรวบรวม และวิเคราะห์อภิมาน สรุปว่าการตรวจในเด็กที่ไม่มีอาการ พบว่ามีความไวเพียง 56.2%

โดยยังมีความจำเพาะ 98.6% นั่นคือตรวจเจอได้มากกว่าครึ่งเดียวเล็กน้อยแต่ถ้าตรวจเจอค่อนข้างมั่นใจว่าติดแน่ มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกและสำนักอาหารและยา ต้องมีความไว (Sensitivity)อย่างน้อย 80% และความจำเพาะ (Specificity) อย่างน้อย 97%

แต่ถ้าเด็กมีอาการจะมีความไวเพิ่มขึ้นเป็น 71.8% แต่ก็หมายความว่าก่อนหน้ามีอาการได้แพร่ไปสู่คนอื่นเรียบร้อยแล้วหลายวัน”

รับวาเลนไทน์ ปปง. ขายทอดตลาด อัญมณี มุกพลอย สร้อย ต่างหู แหวน

รับวาเลนไทน์ ปปง. ขายทอดตลาด อัญมณี มุกพลอย สร้อย ต่างหู แหวน ในวันที่ 3 ก.พ. เวลา 10 โมงเช้า วันที่ 1 ก.พ.2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีความประสงค์จะทำการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ครั้งที่ 8/2565 ในวันที่ 3 ก.พ.2565 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณชั้น 1 อาคารสำนักงาน ปปง. ซึ่งในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งนี้ เป็นทรัพย์สินประเภทเครื่องประดับ อัญมณี ทองรูปพรรณ จำนวน 50 รายการ โดยมีรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจ เช่น

1.มรกต จำนวน 1 เม็ด ราคาเริ่มต้น 400,000 บาท

2.ทับทิมเผา จำนวน 3 เม็ดใหญ่ ราคาเริ่มต้น 680,000 บาท

3.พลอยน้ำเงิน จำนวน 6 ห่อ ราคาเริ่มต้น 61,300 บาท

4.มุกสีต่างๆ จำนวน 17 ถุงเล็ก ราคาเริ่มต้น 216,000 บาท

5.แหวนทับทิม มีเพชร จำนวน 1 วง ราคาเริ่มต้น 22,700 บาท

6.ต่างหูเพชรรูปดาว จำนวน 1 คู่ ราคาเริ่มต้น 35,900 บาท

7.สร้อยคอทอง 2 เส้น ตัวเรือนแหวนทอง ราคาเริ่มต้น 79,500 บาท

8.ตัวเรือนแหวนเพชร ราคาเริ่มต้น 68,100 บาท

9.เข็มกลัดหยกรูปดอกไม้ จำนวน 1 ชิ้น ราคาเริ่มต้น 32,500 บาท

สำหรับราคาเริ่มต้นทรัพย์สินที่เป็นทองรูปพรรณและทองคำแท่งตามราคาข้างต้นเป็นการกำหนดราคาเริ่มต้น ณ วันที่ 19 พ.ย.2564 โดยอาศัยหลักเกณฑ์ราคารับซื้อทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำในวันพิจารณากำหนดราคาเริ่มต้นเป็นเกณฑ์

หากราคารับซื้อทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงในวันขายทอดตลาดทรัพย์สิน คณะกรรมการขายทอดตลาดอาจกำหนดราคาเริ่มต้นของทรัพย์สินที่เป็นทองรูปพรรณใหม่ ตามราคารับซื้อทองคำแท่งที่สมาคมค้าทองคำประกาศในวันที่ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินรายการนั้น ในกรณีทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งให้คณะกรรมการขายทอดตลาดปรับราคาตามราคารับซื้อทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำในวันขายทอดตลาดทรัพย์สินประกอบคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ